คล็อปป์ ออกโรงเฉ่งฝ่ายจัดการแข่งขันของ พรีเมียร์ลีก

คล็อปป์ ตำหนิฝ่ายจัดการแข่งขันของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตัดสินใจให้ทีมของตนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตะกันเป็นคู่แรกของวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของลิเวอร์พูล ได้ออกโรงเฉ่งฝ่ายจัดการแข่งขันของ พรีเมียร์ลีก หลังจากที่จัดให้ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ มีโปรแกรมฟาดแข้งกันเป็นคู่แรกของวันที่ 25 พ.ย. ทั้งที่ตอนนั้นนักเตะของทั้ง 2 ทีมจะเพิ่งเสร็จสิ้นการรับใช้ทีมชาติไปหมาด ๆ โดยบอกว่าโปรแกรมแบบนี้ มันจะทำให้ทีมของตนได้รวมตัวซ้อมกันแค่ครั้งเดียวเพียงเท่านั้น

คล็อปป์ ออกโรงเฉ่งฝ่ายจัดการแข่งขันของ พรีเมียร์ลีก

เจอร์เก้น คล็อปป์ จวก พรีเมียร์ลีก คิดได้ยังไง หลังจัดโปรแกรมแปลก ในเกมเยือน แมนฯ ซิตี้

ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งจะเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด 3-0 ได้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จนทำให้พวกเขาได้ขึ้นเป็นรองจ่าฝูงก่อนที่ พรีเมียร์ลีก จะเบรกทางให้เกมทีมชาติ และโปรแกรมแรกของ “หงส์แดง” หลังจากจบช่วงโปรแกรมทีมชาติ ก็คือการไปเยือน แมนฯ ซิตี้

คล็อปป์ได้เผยว่า “บรรดาลูกทีมของผมตอบสนองกันได้ดีเลยทีเดียว แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็ต้องไปเล่นเกมทีมชาติ และเมื่อถึงเวลาที่เรากลับมารวมตัวกันแล้วน่ะเราก็จะได้ซ้อมร่วมกันแค่หนเดียวก่อนที่จะไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ในเวลา 12.30 น. ของวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้ (19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย)

“วันนี้เราชนะ ดังนั้นมันเลยไม่มีใครที่จะมาพูดได้ว่าผมบ่นถึงเรื่องโปรแกรม แต่คุณตัดสินใจให้เกมแบบนี้เตะกันตอนเที่ยงครึ่งของวันเสาร์ได้ยังไง พูดกันตามตรงเลยนะ คนที่มีหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องนี้น่ะไม่มีอารมณ์ร่วมกับเกมฟุตบอลเลย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ควรจะจัดโปรแกรมแบบนี้”

“ถ้านั่นเป็นช่วงเวลาที่คนทั่วโลกจ่ายเงินกันมากที่สุดเพื่อชมเกมฟุตบอลแล้วล่ะก็ มันก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องลับสุดยอดจนเหมือนกับไม่มีใครเคยบอกเรามาก่อน ผมไม่รู้หรอก ว่ามันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ผมไม่รู้จริง ๆ”

“คือคุณให้ 2 ทีม ที่มีนักเตะที่ติดทีมชาติรวมกัน น่าจะ 30 คน มาเตะกันในช่วงเวลานั้น แถมนักเตะจากชาติในทวีปอเมริกาใต้ ต่างก็เพิ่งเดินทางกลับมาด้วยเครื่องบินลำเดียวกันด้วย พวกเขาบินกลับมาด้วยกัน เราให้พวกเขาขึ้นเครื่องบินมาจาก อุรุกวัย, บราซิล, อาร์เจนตินา และ โคลอมเบีย และพวกเขากลับมาถึงนี่ ด้วยเครื่องบินลำเดียวกัน มันบ้าบอมาก ๆ แต่เราต้องทำให้มั่นใจว่าเราจะพร้อมล่ะนะ”