ส่วนตัวยังมองว่าเกมสำคัญคือการออกไปเยือน บอร์นมัธ นัดหน้า เพราะอย่าลืมมันคือการเฝ้ารังเกมสุดท้ายในซีซั่นของ เดอะ เชอร์รี่ส์ แม้พวกเขารอดตกชั้นไปนานแล้วแต่เรื่องของความมุ่งมั่นเกิน 100 อย่างแน่นอน บวกกับผลงานนอกรัง ปีศาจแดง จึงไม่แปลกที่ถูกมองว่าเป็นเกมที่อาจจะทำให้หวาดเสียวได้ไม่น้อย

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมดหากวัดจากผลงานนอกบ้านช่วงหลัง แต่ถ้ามองในแง่บวกเกิด แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่าน บอร์นมัธ ไปได้ในเกมหน้า ความได้เปรียบทุกอย่างจะเอนมาฝั่ง ปีศาจแดง ที่ขอชนะ เชลซี ให้ได้ก็ไม่ต้องไปเหนื่อยในนัดสุดท้าย

สถานการณ์ทุกอย่าง ณ ตอนนี้จึงอยู่ เอริก เทน ฮาก และลูกทีมว่าจะกุมความได้เปรียบและปิดงานก่อนเกมนัดสุดท้ายได้หรือไม่ (หรืองานอาจจะง่ายกว่าเดิมหาก ลิเวอร์พูล พลาดท่าเสียเองในเกมปะทะ เลสเตอร์ และ แอสตัน วิลล่า หลังจากนี้)อย่างที่เคยกล่าวไปในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ว่าความผิดพลาด 2 เกมที่ผ่านมาส่งผลต่อตารางคะแนนและความมั่นใจอยู่ไม่น้อย ทำให้เกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาต้องลงเอยด้วย 3 คะแนนเท่านั้น ซึ่งขุนพลปีศาจแดงไม่ทำให้ผิดหวัง

อาจจะมีความกังวลก่อนลงเล่นเพราะ มาร์คัส แรชฟอร์ด หายตัวไปจากทีมเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ท้ายที่สุดแนวรุกคนอื่นๆ กลับมาทำผลงานได้ดี รวมถึงการกลับมาของ ราฟาแอล วาราน ที่ทำให้เกมรับดูมั่นคงและนิ่งกว่าเดิมเป็นไหนๆ

ส่วนหนึ่งต้องชมการเล่นที่อดทนของ ปีศาจแดง ไม่ดาหน้าบุกจนหน้ามืดเกินไป ส่วนนี้นักเตะคงทราบดีว่าต้องเล่นตามเกมและรอโอกาสเพราะหากเปิดพื้นที่ขึ้นมาก็เตรียมตัวโดน วูล์ฟส์ สวนกลับแบบเจ็บแสบจึงเห็นได้ว่าสองประตูที่ได้มาจากการตัดเกมเร็ว โดยเฉพาะประตูแรกที่มาจากการเปลี่ยนเกมกลางสนามและโจมตีฉับพลันขึ้นนำในช่วงเวลาสำคัญ

ส่วนประตูที่สองอาจจะมาจากทีมเยือนต้องแลกเต็มตัวส่งผลเปิดพื้นที่ในแนวรับ แต่ต้องชมการฉวยโอกาสของ แมนฯ ยูไนเต็ด อาศัยช่องว่างตรงนั้นเล่นงานจนสามารถปิดเกมได้อย่างสนิทตอนนี้ความมั่นใจกลับมาพอสมควรและเหลืองานในลีกอีก 3 นัดซึ่งหากมองในแง่ของตัวเลขขอชัยชนะอีก 2 นัดเป็นอันพอ